พระราชประวัติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นพระบรมราชินีนาถ ในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เป็นสมเด็จพระราชชนนี ในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงเป็นพระธิดาองค์ใหญ่ของ พลเอก พระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นจันทบุรีสุรนาถ (หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร) กับหม่อมหลวงบัว (สนิทวงศ์) กิติยากร ได้รับพระราชทานนามจากสมเด็จพระนางเจ้ารำไพพรรณี พระบรมราชินี ในพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า “สิริกิติ์” อันมีความหมายว่า “ผู้เป็นศรีแห่งกิติยากร” หรือ “ผู้ที่มีผู้สรรเสริญเล่าลืออันเป็นสิริมงคล”

เสด็จพระราชสมภพ เมื่อวันศุกร์ที่ 12 สิงหาคม 2475 ที่บ้านเจ้าพระยาวงศานุประพัทธ์ (หม่อมราชวงศ์สท้าน สนิทวงศ์) พระอัยกา (ตา) ทรงมีพระเชษฐาและพระขนิษฐา คือ หม่อมราชวงศ์กัลยาณกิติ์ หม่อมราชวงศ์อดุลกิติ์ และหม่อมราชวงศ์บุษบา (ท่านผู้หญิง บุษบา สธนพงศ์)
พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประสูตรมาในราชสกุลเกี่ยวเนื่อง 3 สายราชสกุล เริ่มจากทางฝ่ายพระบิดา พระอัยกา (ปู่) และพระอัยยิกา (ย่า) คือ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระจันทบุรีนฤนาถ (พระองค์เจ้ากิติยากรวรลักษณ์) ต้นราชสกุลกิติยากร พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 และเป็นพระราชโอรสรุ่นแรกที่ทรงจบการศึกษาจากต่างประเทศ เสกสมรสกับหม่อมเจ้าหญิงอัปษรสมาน เทวกุล พระธิดาองค์ใหญ่ใน สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาเทวะวงศ์วโรปการ (พระองค์เจ้าเทวัญอุไทยวงศ์) ต้นราชสกุลเทวกุล พระราชโอรสลำดับที่ 42 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ผู้ทรงได้รับสมญา “พระบิดาแห่งการต่างประเทศ” ที่ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงการต่างประเทศยาวนานที่สุดถึง 38 ปี
ฝ่ายพระมารดา หม่อมหลวงบัวเป็นเหลนของ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท (พระองค์เจ้านวม) ต้นราชสกุลสนิทวงศ์ พระราชโอรสองค์ที่ 49 ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ทรงเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรและการแพทย์แผนไทย และทรงศึกษาวิชาแพทย์ตะวันตกจากหมอบรัดเลย์ กับหมอเฮาส์ (ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลมิชชัน) ทรงมีบทบาทสำคัญเป็นประธานฝ่ายไทยในการเจรจาเมื่อครั้งสยามทำสัญญา เบาว์ริงกับอังกฤษ ในสมัยรัชกาลที่ 4 และทรงเป็นปราชญ์ทางภาษาและวรรณกรรม ทรงนิพนธ์ประถมจินดามณี เล่ม 2 และในปี 2551 องค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเนสโก) ประกาศยกย่องให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก สาขาปราชญ์และกวี
ต้นราชสกุลสนิทวงศ์นับเป็นราชสกุลที่สืบทอดภารกิจในการเป็นแพทย์ประจำพระองค์มาถึง 5 รุ่น ประกอบด้วย
รุ่นที่ 1 พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท
รุ่นที่ 2 พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ (หมอสาย)
รุ่นที่ 3 หม่อมราชวงศ์สุวพรรณ สนิทวงศ์ แพทย์ในพระองค์
รุ่นที่ 4 ศาสตราจารย์นายแพทย์ หม่อมหลวงเกษตร สนิทวงศ์ และพลโทนายแพทย์ หม่อมหลวงจินดา สนิทวงศ์
รุ่นที่ 5 ศาสตราจารย์นายแพทย์ ดนัย สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ศาสตราจารย์นายแพทย์ วงศ์กุลพันธ์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา และ ศาตราจารย์นายแพทย์ หม่อมราชวงศ์กัลยาณกิติ์ กิติยากร

เมื่อแรกพระราชสมภพ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงอยู่ในความดูแลของพระอัยกา (ตา) และท้าววนิดาพิจาริณี พระอัยยิกา (ยาย) หลังจากพระบิดาลาออกจากราชการทหาร ก่อนจะย้ายไปรับราชการในกระทรวงการต่างประเทศ และไปดำรงตำแหน่งเลขานุการเอก ประจำสถานทูตสยาม ณ กรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี 2475 ส่วนพระมารดาเมื่อให้กำเนิดพระองค์แล้วจึงเดินทางไปสมทบ
ปี 2479 ทรงเข้ารับการศึกษาระดับชั้นอนุบาลที่โรงเรียนราชินี ปากคลองตลาด ต่อมาปี 2483 เกิดสงครามมหาเอเชียบูรพาการคมนาคมขาดความสะดวกและความปลอดภัย จึงทรงย้ายไปศึกษาระดับชั้นประถมและมัธยมที่โรงเรียนเซนต์ฟรังซีสซาเวียร์ คอนแวนต์ ถนนสามเสน หนังสือรุ่น ศิษย์เก่าเซนต์ฟรังฯ ปี 2491 บันทึกไว้ว่า พระองค์ทรงมีหมายเลขประจำตัว 371 และพระสหายร่วมชั้นเรียนจำนวน 37 คน
ทรงเลือกเรียนภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส และเปียโนเป็นวิชาพิเศษ ทรงมุ่งหวังที่จะเรียนดนตรีเพื่อเป็นวิชาชีพในอนาคต และตั้งใจที่จะเป็นนักเปียโนที่มีชื่อเสียง ทรงโปรดดนตรีคลาสสิก เช่น โชแปง บีโธเวน และลิทซ์
ครูผู้สอนได้บันทึกถึงการศึกษาเล่าเรียนของพระองค์ในห้วงเวลานั้นไว้ว่า ทรงเป็นนักเรียนที่เรียนดี มีพลานามัยแข็งแรง ในขณะเดียวกันก็ทรงเป็นนักเรียนเปียโนที่มีฝีมือ
หม่อมราชวงศ์กิติวัฒนา ปกมนตรี พระสหายร่วมชั้นเรียนโรงเรียนเซนต์ ฟรังฯ บันทึกไว้ในหนังสือ “เขียนถึงสมเด็จฯ” ว่า เมื่อครั้งทรงพระเยาว์ ทรงร่วมอยู่ในเหตุการณ์สำคัญของสยามประเทศหลายครั้ง
“…ครอบครัวของพระบิดาของหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ต้องมรสุมร้ายทางการเมืองหลังเปลี่ยนแปลงการปกครอง เพราะหัวหน้าครอบครัวทรงมีตำแหน่งสำคัญทางการทหาร หลังจากหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ถือกำเนิดแล้วไม่นาน พระบิดามารดาต้องพาโอรสทั้งสองไปรับหน้าที่ตำแหน่งในยุโรป ทิ้งหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ไว้ในความปกครองของหม่อมเจ้าอัปษรสมาน ซึ่งเมื่อเกิดกบฏบวรเดชใน พ.ศ. 2476 หม่อมเจ้าอัปษรสมานได้ทรงอพยพครอบครัวรวมทั้งหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ ซึ่งอยู่ในวัยเยาว์หนีภัยการเมืองรอนแรมไปกลางทะเลโดยเรือเดินสมุทร ชื่อเรือ “ภาณุรังษี” ไปเผชิญความยากลำบากและโรคภัยไข้เจ็บนานาประการ ณ จังหวัดสงขลา แต่ด้วยดวงชะตาอันจะต้องเป็นคู่พระบารมี หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ผู้เป็นเด็กบอบบาง รับประทานน้อยและนอนยาก จึงแข็งแรงปราศจากโรคภัยอันใดมากล้ำกรายจนกระทั่งเหตุการณ์สงบและหม่อมเจ้าอัปษรสมานทรงนำครอบครัวกลับพระนครได้โดยสวัสดิภาพ”
ในหนังสือเขียนถึงสมเด็จฯ ยังบันทึกช่วงที่พระองค์ต้องหลบหนีภัยสงครามเอาไว้ด้วยว่า
“แม้จะไม่ได้พบเห็นกันในระหว่างที่สงครามกำลังทวีความรุนแรง แต่ครอบครัวของดิฉันก็ได้ข่าวมาว่า หม่อมหลวงบัว กิติยากร ได้พาธิดาทั้งสองคือหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์และหม่อมราชวงศ์บุษบา หลบหนีภัยระเบิดไปอยู่บ้านเจ้าพระยาวงศาฯ บิดาของหม่อมหลวงบัว ซึ่งเป็นบ้านสวนแถบที่เรียกกันว่าบางซ่อน บังเอิญ สวนระแวกนั้นอยู่ใกล้สะพานพระรามหกซึ่งเป็นเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ ระเบิดของฝ่ายสัมพันธมิตร จึงพลาดไปลงยังบ้านพักของหม่อมหลวงบัว แต่ด้วยบุญญาธิการโดยแท้หม่อมหลวงบัวและธิดาทั้งสองจึงแคล้วคลาดภัยมาอย่างหวุดหวิด”
หลังสงครามสงบ ประเทศสยามเปลี่ยนชื่อเป็นประเทศไทย นายควง อภัยวงศ์ นายกรัฐมนตรีสมัยนั้น แต่งตั้งให้หม่อมเจ้านักขัตรมงคล ดำรงตำแหน่งรัฐทูตวิสามัญ และอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็มประจำราชสำนักเซนต์เจมส์ สหราชอาณาจักร ในปี 2489 จึงทรงพาครอบครัวไปด้วย ขณะนั้นพระบรมราชชนนีพันปีหลวงมีพระชนมายุ 13 พรรษา ทรงสำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ของโรงเรียนเซนต์ฟรังฯ แล้ว
ทรงติดตามพระบิดาซึ่งทรงได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้ไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำราชสำนักเซนต์เจมส์ สหราชอาณาจักร ราชอาณาจักรเดนมาร์ก และสาธารณรัฐฝรั่งเศส ตามลำดับ
ปี 2491 ที่ประเทศฝรั่งเศส ครอบครัวกิติยากรมีโอกาสเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ขณะนั้นทรงดำรงพระยศสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงศึกษาต่อ และประทับอยู่ที่พระตำหนักวิลล่าวัฒนา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หลังทรงขึ้นครองราชย์ ทรงโปรดขับรถจากโลซานน์มาทอดพระเนตรโรงงานทำรถยนต์ในกรุงปารีสอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ของทั้งสองพระองค์ ก็ค่อยๆ งอกงาม
5 ตุลาคม 2491 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่นอกเมืองโลซานน์ ต้องประทับรักษาพระองค์ในสถานพยาบาล พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ขณะนั้นทรงดำรงพระยศหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์พระราชทานสัมภาษณ์ แก่เดวิด โลแมกซ์ ผู้สื่อข่าวบีบีซี ในสารคดี “ศูนย์รวมใจของชาติ – พระราชวงศ์ไทย” (Soul of a Nation – The Royal Family of Thailand) ออกอากาศครั้งแรกในปี 2523 ทางสถานีโทรทัศน์ บีบีซี กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษว่า
“….ตอนประทับอยู่ที่โรงพยาบาล หลังประสบอุบัติเหตุ มีพระอาการหนักมาก ตำรวจเขาโทรศัพท์มากราบบังคมทูลสมเด็จพระราชชนนีฯ พระองค์ท่านรีบเสด็จฯ ไปทันที แต่แทนที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะทรงมีพระราชปฏิสันถารกับพระองค์ท่าน กลับทรงหยิบรูปของข้าพเจ้าออกมาจากกระเป๋า โดยที่ข้าพเจ้าไม่เคยทราบมาก่อนเลยว่าทรงมีรูปของข้าพเจ้าอยู่…”

สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระราชชนนี ในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงขอให้พระบรมราชชนนีพันปีหลวง อยู่ศึกษาต่อที่เมืองโลซานน์ในโรงเรียนประจำชื่อ Riante Rive ที่มีชื่อเสียงในเรื่องการสอนวิชาพิเศษแก่กุลสตรี คือ ภาษา ศิลปะ ดนตรี ประวัติวรรณคดี และประวัติศาสตร์
12 สิงหาคม 2492 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศข่าวทรงหมั้นให้ชาวไทยได้ทราบหลังมีพิธีหมั้นเป็นการส่วนพระองค์ ทรงพระราชทานพระธำรงค์เพชรแก่พระบรมราชชนนีพันปีหลวงพระคู่หมั้น และประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส 28 เมษายน 2493 ที่วังสระปทุม หลังเสด็จนิวัติพระนคร 24 มีนาคม 2493 เพื่อร่วมในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร รัชกาลที่ 8
ในวันประกอบพระราชพิธีราชาภิเษกสมรส ทรงได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระราชินีสิริกิติ์ จากนั้น 5 พฤษภาคม 2493 ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ทรงได้รับการสถาปนาเฉลิมพระเกียรติยศขึ้นเป็นสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี
ระหว่างที่รัชกาลที่ 9 ทรงพระผนวช 22 ตุลาคม – 5 พฤศจิกายน 2499 รัชกาลที่ 9 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งพระบรมราชชนนีพันปีหลวงเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จากนั้น 5 ธันวาคม 2499 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศเฉลิมพระอภิไธยพระบรมราชชนนีพันปีหลวงเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถ นับเป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถพระองค์ที่ 2 ของกรุงรัตนโกสินทร์ โดยพระองค์แรกมีขึ้นในรัชสมัย รัชกาลที่ 5 ทรงสถาปนาสมเด็จพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี พระอัครราชเทวี เป็นสมเด็จพระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรกในปี 2440

พระบรมราชชนนีพันปีหลวง มีพระประสูติกาลพระราชธิดา พระราชโอรส 4 พระองค์ คือ
- ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี
- พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10
- สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา เจ้าฟ้ามหาจักรีสิรินธร มหาวชิราลงกรณวรราชภักดี สิริกิจการิณีพีรยพัฒน รัฐสีมาคุณากรปิยชาติ สยามบรมราชกุมารี
- สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี

อ้างอิงแหล่งข้อมูล:
- หนังสือ พระญาติ ราชสกุล กรุงรัตนโกสินทร์ ผู้เขียน เล็ก พงษ์สมัครไทย สำนักพิมพ์ มติชน
- สัมภาษณ์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เมื่อครั้งยังทรงเป็นพระคู่หมั้น สัมภาษณ์โดย ชอุ่ม ปัญจพรรค์ นักประพันธ์อาวุโส เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2493 ตีพิมพ์ในหนังสืออนุสรณ์งานพระราชทานเพลิง นางชอุ่ม แย้มงาม (ชอุ่ม ปัญจพรรค์) ณ เมรุวัดมกุฏกษัตริยาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 มกราคม 2557
- หนังสือ เขียนถึงสมเด็จฯ โดย หม่อมราชวงศ์กิติวัฒนา ปกมนตรี
- หนังสือ ชุดตำราภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยฉบับอนุรักษ์ ตำรายาพระองค์เจ้าสายสนิทวงศ์ กองคุ้มครองภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยและพื้นบ้านไทย กรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข
- 84 พรรษา นางแก้วคู่พระบารมี หนังสือเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ จัดทำโดย สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)
- พระแม่แห่งสยาม นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 77 พรรษา จัดทำโดย สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร



Post Comment